วันพฤหัสบดีที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

กมธ.ยกร่างฯเคาะคนนอกนั่งนายกฯได้

975798นายคำนูณ กล่าวต่อว่า มาตรา 180 กำหนดให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี มีหน้าที่เข้าร่วมประชุมสภาฯ วุฒิสภา และรัฐสภา โดยให้ถือเป็นภารกิจสำคัญเหนือภารกิจอื่นใด ซึ่งตรงนี้ หากไม่ปฏิบัติตามจะมีบทลงโทษตามข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรม หรือขัดต่อรัฐธรรมนูญ เป็นเหตุนำไปสู่การถอดถอนได้ นอกจากนี้ยังเพิ่มมาตรการสร้างเสถียรภาพให้แก่รัฐบาล เพราะเชื่อว่าระบบการเลือกตั้งแบบใหม่จะเป็นรัฐบาลแบบผสม ซึ่ง ส.ส.จากพรรคร่วมรัฐบาล อาจจะกดดันการทำหน้าที่ของรัฐบาลให้เกิดความไม่สะดวก  ดังนั้น กมธ.ยกร่างฯ จึงออกแบบเปิดช่องให้นายกรัฐมนตรี มีอำนาจปราม ส.ส.ที่มากดดัน การทำงานของนายกฯ และรัฐบาลด้วยมาตรา 183 ที่ให้นายกฯ ขอความไว้วางใจในการบริหารราชการแผ่นดินจากสภาฯ ได้  โดยประธานสภาฯ จะต้องจัดให้มีการประชุมภายใน 7 วันนับตั้งแต่วันที่นายกฯ ยื่นเรื่อง และในกรณีที่มติไว้วางใจมีคะแนนเสียงน้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกเท่า ที่มีอยู่ของสภาฯ นายกฯ จะกราบบังคมทูลให้พระมหากษัตริย์ทรงยุบสภา

นายคำนูณ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังเพิ่มมาตรการผลักดันกฎหมายที่สำคัญ ในกรณีพรรคร่วมรัฐบาลไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมาย เพราะต้องการต่อรองทางการเมือง  กมธ.ยกร่างฯ เพิ่มอำนาจให้แก่นายกฯ ในการผลักดันกฎหมายในมาตรา 184 คือ ให้นายกฯ แถลงต่อสภาฯ ว่าการเสนอร่างพ.ร.บ.ใด หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของร่าง พ.ร.บ.ใด เป็นการแสดงถึงความไว้วางใจของการบริหารราชการแผ่นดินของนายกฯ ถ้าส.ส.ไม่เข้าชื่อเสนออภิปรายไม่ไว้วางใจภาย 48 ชั่วโมง ให้ถือว่าร่างพ.ร.บ.นั้นผ่านการพิจารณา และให้ความเห็นชอบของสภาฯ แต่ในกรณี ส.ส.เข้าชื่อขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ให้ร่างพ.ร.บ.ที่นายกฯเสนอ รอการพิจารณาเอาไว้ก่อน และให้ประธานสภาฯ จัดให้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และเมื่อผลออกมามีมติให้ความเห็นชอบ นายกฯ สามารถบริหารประเทศต่อไป ให้ถือว่าร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวผ่านการพิจารณา และให้ความเห็นชอบของสภาฯ แต่หากนายกฯ ไม่ได้รับความเห็นชอบ สภาฯ ก็ต้องสิ้นสภาพไปพร้อมนายกรัฐมนตรี ซึ่งการใช้มาตรการนี้กระทำได้ครั้งเดียวในหนึ่งสมัยประชุม

เมื่อวันที่ 26 ก.พ. ที่พัทยา จ.ชลบุรี นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ยกร่างรัฐธรรมนูญ แถลงความคืบหน้าในการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญต่อเนื่องในภาค 2 ผู้นำการเมือง ที่ดีและระบบผู้แทนที่ดี หมวด 4 คณะรัฐมนตรี ว่า โดยมาตรา 173 กำหนดให้ มีนายกรัฐมนตรี 1 คน และรัฐมนตรีไม่เกิน 35 คน ประกอบเป็น ครม.มีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินตามหลักความรับผิดชอบร่วมกัน ทั้งนี้ตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะรัฐมนตรี  โดยนายกรัฐมนตรี จะดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกินกว่า 2 วาระไม่ได้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องเป็น ส.ส. หรือหากได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส.ก็ต้องลาออก หากได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ กมธ.ยกร่างฯ เชื่อว่าในสภาวะปกติ สภาฯ จะเลือกนายกรัฐมนตรีมาจาก ส.ส.เว้นแต่ในสถานการณ์ไม่ปกติ อาจจะนำคนนอกมาดำรงตำแหน่งได้

นายคำนูณ กล่าวว่า ขณะที่มาตรา 176 กำหนด ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะนำรายชื่อรัฐมนตรีกราบบังคมทูลฯ นายกรัฐมนตรีจะต้องนำรายชื่อ ครม.ส่งให้ประธานวุฒิสภา และจัดให้มีการประชุมวุฒิสภาเพื่อตรวจสอบประวัติ และเปิดเผยให้ประชาชนรับทราบภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีเสนอรายชื่อให้ประธานวุฒิสภา นอกจากนี้ กมธ.ยกร่างฯ ยังได้เพิ่มคุณสมบัติรัฐมนตรี ต้องแสดงรายการเสียภาษีย้อนหลัง เป็นเวลา 3 ปี ต่อประธานวุฒิสภาอีกด้วย

แหล่งที่มา  :  เดลินิวส์

Source: กมธ.ยกร่างฯเคาะคนนอกนั่งนายกฯได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น