อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันที่ ลดลง ก็มีผลลบต่อเศรษฐกิจไทย โดยการส่งออกไปยังตลาดซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน จะได้รับผลกระทบ เช่น ตะวันออกกลางและรัสเซีย โดยเฉพาะรถยนต์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ แต่ผลกระทบอาจไม่มาก เนื่องจากตลาดเหล่านี้มีสัดส่วนในการส่งออกรวมของไทยเพียง 6%
นางดวง กมล กล่าวว่า ผลจากการที่เงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลงในช่วงปลายปี 58 เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะทำให้เงินทุนไหลออกจากไทยกลับไปยังสหรัฐฯ และเงินบาทอ่อนค่านั้น จะส่งผลดีต่อการส่งออก โดยเฉพาะสินค้าที่พึ่งพาวัตถุดิบภายในประเทศเป็นหลัก เช่น เครื่องนุ่งห่ม ยาง และอาหาร
สำหรับผลบวกต่อภาคธุรกิจอื่นๆ พบว่า ธุรกิจบริการขนส่ง ซึ่งมีต้นทุนน้ำมันในสัดส่วนที่สูง จะได้รับประโยชน์สูงสุด ได้แก่ การขนส่งทางบก การขนส่งทางเรือ และการขนส่งทางอากาศ โดยการขนส่งทางบกมีต้นทุนน้ำมัน 40-50% ของต้นทุนรวม การขนส่งทางอากาศ มีต้นทุนน้ำมันเป็นสัดส่วน 30-40% ของต้นทุนรวม และการขนส่งทางเรือมีต้นทุนน้ำมัน 20-25% ของต้นทุนรวม
ขณะที่ภาคที่ ได้รับประโยชน์รองลงมา คือ ภาคการเกษตร ซึ่งจะมีต้นทุนการผลิตสินค้าทางการเกษตรลดลง ส่งผลให้มีผลผลิตการเกษตรและส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ อ้อย ข้าว มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน และยางพารา โดยสินค้าเหล่านี้มีต้นทุนน้ำมัน 8-10% ของต้นทุนรวม
นางดวงกมล เจียมบุตร โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ ได้วิเคราะห์ผลกระทบจาก ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง โดยล่าสุดลดลงต่ำกว่า 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หรือลดลง 60%จากช่วงสูงสุดเดือนมิ.ย. 57 ได้ส่งผลบวกภาพรวมต่อประเทศไทยมากกว่าผลลบ โดยเฉพาะผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ ภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการใช้น้ำมัน และสินค้าเกษตร
“ประเมินว่า ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยทั้งปี 58 น่าจะอยู่ที่ 65 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งจะส่งบวกต่อเศรษฐกิจไทย โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) เพิ่มขึ้น 0.96% เงินเฟ้อคาดว่าจะลดลงจากเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ที่ 2.2%หรือมีกรอบ1.8-2.5% การบริโภคที่แท้จริงภายในประเทศ จะเพิ่มขึ้น 2.2% การส่งออก เพิ่มขึ้น 1%แต่ต้องอยู่ภายใต้ปัจจัยทางเศรษฐกิจต่างประเทศไม่เปลี่ยนแปลง”
แหล่งที่มา : เดลินิวส์
Source: อานิสงส์น้ำมันลดอุ้มส่งออกฟื้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น