ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาแบบนำเสนอข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อ ก.ล.ต. และเป็นอีกแรงหนุนสำคัญที่ผลักดันให้มาร์เกตแค็บปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ส่วนบริษัทอื่นอยู่ระหว่างดูทีท่าก่อนจะร่วมวงเพื่อสร้างความแข็งแกร่งต่อ ไป
ธุรกิจจะดำเนินการต่อไปไม่ได้ ถ้าขาดเงินทุน ซึ่งการเตรียมพร้อมเพื่อเสริมศักยภาพการแข่งขันกับกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านใน อนาคตจำเป็นต้องอาศัยหน่วยงานสนับสนุนที่มีประสิทธิภาพ โดย “ตลท.” ถือเป็นหนึ่งหน่วยงานที่สวมบทบาท “เพื่อนร่วมทาง” ไม่ปล่อยให้บริษัทจดทะเบียนไทยต้องต่อสู้เพียงลำพังแต่ทั้งหมดคงต้องรอดูว่า ตลท.จะบรรลุเป้าหมายได้มากน้อยเพียงใด
คาดกันว่าหลักเกณฑ์ทั้งหมดที่ว่านี้ … จะได้ข้อสรุปภายในเร็ว ๆ นี้หรืออย่างช้าไม่เกินไตรมาสแรกของปี 58 นี้เพื่อให้ทุกอย่างเกิดความชัดเจนเพื่อให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจได้รวด เร็วมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามระหว่างนี้ก็มีบริษัทขนาดใหญ่หลายรายต่างเดินหน้านำร่องไปก่อน ไม่ว่าจะเป็น “ช.การช่าง” ที่หลังจากอิ่มตัวกับงานรับเหมาก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานเมกะโปรเจคท์ของภาค รัฐไปแล้วจึงได้เริ่มก้าวขาเข้าสู่ธุรกิจพลังงานทดแทนเต็มรูปแบบภายใต้ บริษัทย่อย ซีเคพาวเวอร์ จำกัด โดยทุ่มงบกว่า 115,000 ล้านบาท ก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ
ที่ดำเนินการโดย บริษัทไซยะบุรีพาวเวอร์ ด้วยกำลังการผลิตสูงสุด 1,285 เมกะวัตต์ ขนาดใหญ่ที่สุดในอาเซียนในพื้นที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว หรือ สปป.ลาว และมีสัดส่วนการถือหุ้นสูงสุดถึง 30% พร้อมเตรียมจัดแผนนำ ไซยะบุรี พาวเวอร์ เข้าจดทะเบียนใน ตลท. เร็ว ๆ นี้
ทั้งนี้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ตลท.ดำเนินการ ก็เพื่อผลักดันให้เป็นไปตามเป้าหมายระยะยาวที่ระบุไว้ว่าภายในปี 60 จะสามารถเพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดหรือมาร์เกตแค็บ ให้ได้ถึง 30 ล้านล้านบาท หรือเติบโตเท่าตัวจากปัจจุบันอยู่ที่ 15 ล้านล้านบาท
ดัง นั้น! เพื่อรองรับความต้องการระดมเงินทุนเพื่อขยายธุรกิจซึ่งจะมีเพิ่มมากขึ้น อย่างเห็นได้ชัดต่อจากนี้ ทาง ตลท. เองจึงได้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์หรือ ก.ล.ต. จัดทำกฎเกณฑ์การขอออกใบอนุญาตให้บริษัทร่วมทุนของคนไทยที่ออกไปลงทุนในต่าง ประเทศสามารถนำบริษัทร่วมทุนเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทยเพื่อระดม ทุนขยายธุรกิจเพิ่มเติมได้ทั้งในรูปของการจดทะเบียนโดยตรงและการจดทะเบียน เป็นตลาดที่สอง ซึ่งส่วนใหญ่ประกอบธุรกิจด้านโครงสร้างพื้นฐานสาธารณูปโภค, พลังงาน, พัฒนาอสังหาริมทรัพย์, นิคมอุตสาหกรรม และการบริการด้านโลจิสติกส์
นอกจากนี้ ตลท.ยังมีบทบาทสำคัญ ในเรื่องของการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทไทยกับกลุ่มนานาประเทศ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ ตลท.ได้มีแผนการนำเสนอข้อมูลหรือออกเดินสายโรดโชว์ในต่างประเทศหลายครั้ง และจะพ่วงบริษัทจดทะเบียนในตลาดไปพบกับผู้ลงทุนหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลกับ บริษัทจดทะเบียนหลายแห่งในทุกครั้งถือเป็นการสร้างสัมพันธ์อันดี และสร้างพันธมิตรทางธุรกิจมาหลายต่อหลายราย
ปัจจุบันบริษัทจดทะเบียน ไทยมีสัดส่วนรายได้จากการดำเนินธุรกิจในอาเซียนและกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขงประมาณ 26% ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยภูมิประเทศที่เหมาะกับการขนส่ง รวมถึงวิถีชีวิต สังคม และวัฒนธรรมที่มีความคล้ายคลึงกันจึงกลายเป็นสนามลงทุนเพื่อต่อยอดให้กับ ธุรกิจได้เป็นอย่างดี
ขณะที่หัวเรือใหญ่ของ ตลท. อย่าง “เกศรา มัญชุศรี” ได้เดินหน้าเตรียมดึงธุรกิจทั้งในประเทศและแถบประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาจด ทะเบียนในตลาดหุ้นไทยให้เพิ่มมากขึ้นเพื่อเพิ่มผลิตภัณฑ์ตัวเลือกใหม่ ๆ ให้กับนักลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทในกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขง หรือ จีเอ็มเอส เช่น จีนตอนใต้ สปป.ลาว เมียนมาร์ และกัมพูชา ซึ่งจะมีการจัดทำดัชนีการลงทุนกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขงที่รวบรวมบริษัทจดทะเบียน ไทยที่ไปลงทุนในกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขงมารวมไว้เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับนักลง ทุนซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการกำหนดและแก้ไขกฎเกณฑ์ให้มีความเป็นสากลเพิ่มมาก ขึ้น
นับถอยหลัง …การเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซีในปลายปีนี้ แม้คนไทยหลายคนอาจยังไม่ตื่นตัวกันมากนัก แต่บรรดานักลงทุนผู้ประกอบกิจการขนาดใหญ่ รวมไปถึงบริษัทจดทะเบียน หรือ บจ.ไทย ต่างเตรียมจับจองพื้นที่เพื่อต่อยอดธุรกิจกันอย่างคึกคักด้วยเพราะสภาพ ภูมิประเทศแต่ละประเทศที่กว้างใหญ่ รวมไปถึงขนาดของเศรษฐกิจที่กำลังขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจึงทำให้ ภูมิประเทศนี้กำลังเนื้อหอมและเป็นที่จับจ้องของแหล่งทุนขนาดใหญ่
เพื่อน เดินทางของธุรกิจในไทยคงหนีไม่พ้นแหล่งเงินระดมทุนที่มีประสิทธิภาพและต้น ทุนต่ำอย่างตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ที่ทำหน้าที่เป็นตลาดรองเพื่อแลกเปลี่ยนซื้อขายตราสารทุน เพื่อให้นักลงทุนสามารถระดมเงินทุนเพิ่มเติมจากสาธารณะได้อย่างสะดวกโดยตลาด หุ้นไทยปัจจุบันมีจุดแข็งคือการมีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดในอาเซียน 3 ปีติดต่อกัน สะท้อนให้เห็นถึงภาพรวมของตลาดที่คึกคักจนดึงดูดความน่าสนใจของนักลงทุนต่าง ประเทศได้เหนือกว่าตลาดอื่นในภูมิภาคนี้
แหล่งที่มา : เดลินิวส์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น