วันพฤหัสบดีที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2558

จี้รัฐบาลไทยเร่งสอบสวนคดี“บิลลี่”หายตัว

1024590คณะทำงานของสหประชาชาติว่าด้วยการหายสาบสูญโดยถูกบังคับหรือการหายสาบสูญ โดยไม่สมัครใจ ได้ติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิด ซึ่งปัจจุบัน ข้อมูลที่รัฐบาลไทยมอบแก่คณะทำงานฯ กรณีของบิลลี่นั้น ไม่เพียงพอที่คณะทำงานฯ จะวินิจฉัยชะตากรรมและสถานะของบิลลี่ได้ ดังนั้นคดีนี้ยังอยู่ในการตรวจสอบของคณะทำงานฯ อย่างไรก็ตาม แหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ระบุว่าการรายงานข่าวความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวน คดีนี้ มีข้อมูลใหม่ชี้ว่าบิลลี่ไม่ได้ถูกปล่อยตัวจากการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ อุทยานฯ หลังถูกจับในข้อกล่าวหาว่ามีน้ำผึ้งป่าไว้ในครอบครองอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งข้อมูลนี้ขัดแย้งกับคำให้การก่อนหน้านี้ของอดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติฯ ที่ระบุว่าบิลลี่ถูกควบคุมตัวเพียงระยะเวลาสั้น ๆ

ดังนั้น สำนักข้าหลวงใหญ่ฯ ขอเรียกร้องรัฐบาลไทยให้จัดสรรทรัพยากรอย่างเพียงพอ และพยายามสืบสวนสอบสวนคดีนี้อย่างโปร่งใส และละเอียดรอบด้าน รวมถึงรัฐบาลไทยควรจะมีมาตรการที่รับรองว่าพยานที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวน สอบสวนจะได้รับการคุ้มครองจากการถูกข่มขู่ คุกคาม และแก้แค้น รวมถึงสำนักข้าหลวงใหญ่ฯ ยังเสนอแนะให้รัฐบาลไทยแจ้งผลการสืบสวนสอบสวนล่าสุดแก่ครอบครัวของบิลลี่ และคณะทำงานของสหประชาชาติฯ อีกด้วย นอกจากนี้รัฐบาลไทยต้องดำเนินมาตรการคุ้มครองนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน ให้สามารถดำเนินงานและกิจกรรมได้อย่างปลอดภัยเมื่อวันที่ 16 เม.ย. สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชอาร์ซี) ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออกแถลงการณ์ว่า ยูเอ็นเอชอาร์ซีแสดงความกังวลอีกครั้งต่อการไร้ความคืบหน้าในการสืบสวนกรณี ที่นายพอละจี รักษ์จงเจริญ หรือ "บิลลี่" นักต่อสู้เพื่อสิทธิชาวกะเหรี่ยงถูกบังคับให้สูญหาย โดบในวันที่ 17 เม.ย.นี้ จะครบรอบ 1 ปี การหายตัวไปของบิลลี่ผู้มีบทบาทในการต่อสู้เพื่อสิทธิชุมชนกะเหรี่ยงใน อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานใน จ.เพชรบุรี มีผู้พบเห็นบิลลี่ครั้งสุดท้ายระหว่างการเดินทางกลับจากการประชุมกับตัวแทน ชุมชน เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับคดีการเผาบ้านเรือนและทรัพย์สินของชาวบ้านกะเหรี่ยง โดยเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติฯ ในปี 2553 และปี 2554 ไม่มีใครทราบว่าชะตากรรมของบิลลี่เป็นอย่างไร และตอนนี้อยู่ที่ไหนตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา

แหล่งที่มา  :  เดลินิวส์

Source: จี้รัฐบาลไทยเร่งสอบสวนคดี“บิลลี่”หายตัว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น