วันศุกร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2558

ฉะกมธ.หมกเม็ด จับโกหก สอดไส้ปฏิรูปตร.

EyWwB5WU57MYnKOuFtMvJ377zC6hICBow8d4PTLOkIrKVvqnBC4Hthยก “ขันที” ทำแตกแยกต้องรับผิดชอบ

ต่อมานายอุดม เฟื่องฟุ้ง สปช. อภิปรายว่า ขอเรียกกฎหมายนี้ว่า “นิติกรรมอำพราง” เป็นร่างรัฐธรรมนูญความฝันของนักสหวิชาการ จึงขอร้องเรียนต่อรัฐบาล และ คสช.ว่า เสี่ยงภัยมายึดอำนาจเพื่อต้องการให้บ้านเมืองเป็นปึกแผ่น ทหารต้องผ่านการศึกษาตำราพิชัยสงครามมาในวรรณกรรมสามก๊ก แผ่นดินจีนแตกออกเป็นสามก๊ก ต้องรู้ว่าต้นเหตุมาจากขันทีที่อยู่ใกล้ตัวฮ่องเต้ไปเพ็ดทูล ต้องระวัง ขอ เปรียบว่า กมธ.ยกร่างฯ เหมือนขันทีที่อาจจะทำให้บ้านเมืองแตกแยก ถ้าบ้านเมืองแตกแยกขันทีต้องรับผิดชอบด้วย
“เลิศรัตน์” เชื่อยังอยู่ในโรดแม็ป

พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช โฆษกคณะกรรมา-ธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงความเห็นจากฝ่ายพรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองบางส่วน ที่ระบุยอมให้ขยายเวลาการเลือกตั้งออกไปเพื่อแลกกับการปรับแก้ร่างรัฐธรรมนูญให้เป็นที่ยอมรับว่า เรื่องนี้เป็นอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตนเชื่อว่ายังคงเดินตามโรดแม็ป มีข้อสังเกตว่าข้อเรียกร้องดังกล่าวเป็นการต่อรองของพรรค-การเมืองและกลุ่มการเมืองหรือไม่ แต่จะให้เป็นที่ถูกใจทุกฝ่ายคงยาก ขอให้ใจเย็นและรอรัฐธรรมนูญร่างสุดท้าย การยกร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้ไม่ได้สุดโต่งเพื่อประโยชน์ของคนกลุ่มใด และวันที่ 1-6 มิ.ย. กมธ.ยกร่างฯจะเชิญทุกกลุ่มที่เกี่ยวข้อง อาทิ คสช. สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พรรคการเมือง เข้าให้ความเห็นอย่างเป็นทางการ แต่ไม่รวมถึงกลุ่มการเมือง ซึ่งประธาน กมธ.ยกร่างฯจะลงนามส่งรัฐธรรมนูญร่างแรกให้พรรคการเมืองทั้ง 74 พรรคไปศึกษา และเสนอความคิดเห็นกลับมาภายใน 1 เดือน
ห่วงแอบยัดไส้ตัดสิทธิบ้าน 111-109

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ สปช. กล่าวว่า เป็นห่วงรัฐธรรมนูญมาตรา 111 ที่ระบุลักษณะต้องห้ามของบุคคลที่ลงสมัคร ส.ส. ซึ่งใน (15) ระบุว่าให้หมายความรวมถึงผู้เคยถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง หรือถูกตัดสิทธิในการดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือในการดำรงตำแหน่งอื่น อยากทราบว่าหมายถึงสมาชิกบ้านเลขที่ 111 และ 109 ด้วยใช่หรือไม่ ถ้าใช่ประเด็นนี้จะกลายเป็นเรื่องใหญ่นำไปสู่ความแตกแยกอีก ส่วนตัวยังเชื่อว่าไม่น่าจะหมายความรวมถึงบ้านเลขที่ 111 และ 109 แต่อยากให้ กมธ.ยกร่างฯเขียนประเด็นนี้ให้ชัดเจน จะละเลยไม่ได้ ถ้าไม่ได้ห้ามบ้านเลขที่ 111 และ 109 ควรเขียนให้ชัดเจนกว่านี้ว่าเป็นการตัดสิทธิทางการเมือง เนื่องจากการกระทำความผิดด้วยตัวเอง เพราะไม่อยากเห็นความขัดแย้งเกิดขึ้นทันทีเมื่อเริ่มใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้
ไม่เจตนาให้การเมืองแทรกแซงศาล

ต่อมาช่วงบ่ายจึงเริ่มเข้าสู่การพิจารณาในภาค 3 นิติธรรม ศาล และการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ โดยนายบรรเจิด สิงคะเนติ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ชี้แจงในภาพรวมหมวด 1 ศาล และกระบวนการยุติธรรม ว่า ตามมาตรา 222 ว่าด้วยการวินิจฉัยอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล กมธ.ยกร่างฯต้องการให้ศาลที่เป็นคู่กรณี เข้าร่วมวินิจฉัย ให้มีผู้ทรงคุณวุฒิ 3-5 ท่าน ช่วยชี้อยู่บนพื้นฐานของหลักวิชาการ ยืนยันว่าไม่ได้มุ่งหมายให้เกิดการแทรกแซงโดยฝ่ายการเมือง แต่ต้องการให้ผู้ทรงคุณวุฒิได้แสดงทัศนะ สำหรับมาตรา 226 ว่าด้วยการดำรงตำแหน่งและการเกษียณอายุราชการของผู้พิพากษาและตุลาการนั้น ประธานศาลฎีกาและประธานศาลปกครองสูงสุด ให้ดำรงตำแหน่งเพียงหนึ่งวาระ คือ 4 ปี เพื่อป้องกันไม่ให้อยู่ในตำแหน่งมากจนเกินไป
กมธ.ยกร่างฯตีปี๊บหนุน อปท.เต็มที่

เมื่อเวลา 09.15 น. วันที่ 24 เม.ย. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญที่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญพิจารณาเสร็จแล้ว เป็นวันที่ห้า โดยยังคงพิจารณาต่อในภาค 2 ผู้นำการเมืองที่ดีและสถาบันการเมือง หมวด 7 การกระจายอำนาจและการบริหารท้องถิ่น โดย นพ.กระแส ชนะวงศ์ รองประธาน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ชี้แจงว่า ร่างรัฐธรรมนูญนี้มีจุดเด่นเป็นประโยชน์ต่อการกระจายอำนาจท้องถิ่น 4 ประการ ได้แก่ 1. ทำให้การปกครองท้องถิ่นเปิดเผยตรวจสอบได้ 2. ทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมโดยตรงมากขึ้น

3. กระจายอำนาจไปสู่การปกครองท้องถิ่นชัดเจนมากขึ้น 4. ให้งบประมาณและทรัพยากรแก่องค์กรปกครองท้องถิ่น โดยมีกฎหมายลูกรับรอง และให้การจัดเก็บภาษีแก่ท้องถิ่นมากขึ้น เชื่อว่าจะทำให้การปกครองท้องถิ่นแข็งแรงขึ้น และช่วยให้ระบอบประชาธิปไตยแข็งแรงตามไปด้วย
แฉยับเสียงข้างน้อยล็อบบี้สำเร็จ

จากนั้นสมาชิก สปช.ทยอยลุกขึ้นอภิปราย โดยส่วนใหญ่เห็นด้วยกับหลักการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นมีความเข้มแข็งมากขึ้น อาทิ นายเกรียงไกร ภูมิเหล่าแจ้ง สปช. กล่าวว่า เห็นว่ามาตรา 216 (3) ที่กำหนดให้มีคณะกรรมการดำเนินการแต่งตั้งข้าราชการท้องถิ่นโดยระบบคุณธรรมแต่ละจังหวัด เป็นเรื่องน่าอดสูที่สุด เพราะในชั้นการพิจารณาของคณะอนุกรรมาธิการบริหารทรัพยากรบุคคลท้องถิ่น สปช. ไม่เอาด้วยกับมาตรานี้ 14 คน มีคนเห็นด้วย 1 คน และคณะกรรมาธิการปกครองท้องถิ่น ชุดใหญ่ก็เห็นตามนั้น แต่เมื่อไปถึง กมธ.ยกร่างฯกลับมีการไปวิ่งเต้นล็อบบี้ กมธ.ยกร่างฯ จนสามารถนำมาตรา 216 (3) เข้ามาบรรจุในรัฐธรรมนูญได้ เป็นเรื่องที่ตนรับไม่ได้ คนที่ทำอย่างนี้คือคนที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนมากกว่าส่วนรวม คิดว่า กมธ.ยกร่างฯก็รู้ดีว่าคนล็อบบี้คือใคร ถ้าจะทำกันอย่างนี้ ต้องกลับไปปฏิรูปกันใหม่

แหล่งที่มา  :  ไทยรัฐ

Source: ฉะกมธ.หมกเม็ด จับโกหก สอดไส้ปฏิรูปตร.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น