ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวกลายเป็นกระแสอย่างมากในโลกออนไลน์ ซึ่งดูเหมือนจะเน้นย้ำกันที่ "คำ" มากกว่า "ความ" ที่สื่อออกไป ในกรณีของชาวต่างชาติอาจมองได้ถึงช่องว่างความแตกต่างที่ส่งผลถึงความเข้าใจ ไม่ว่าจะด้วยบริบททางการเมืองหรือทางสังคม ที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบางคนจะรู้จักเครื่องประหารหัวสุนัขกันหรือเปล่า แค่เพียงคำว่า "ประหาร" กับ "ทหาร" ก็ทำให้คนที่อ่านแค่พาดหัวข่าวคิดจินตนาการไปไกลจนถึงขั้นสบถก่นด่าได้เป็น ชุด ทั้งที่ยังไม่ได้อ่านเนื้อหาข่าวหรือรับฟังบทสัมภาษณ์นั้นเลย ดูเหมือนการฟังให้ได้ศัพท์และด้วยใจตรงไปตรงมา จะยังคงเป็นปัญหาใหญ่ในสังคมปัจจุบัน
สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 26 มี.ค. ว่า กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ แสดงความกังวลเกี่ยวกับการให้สัมภาษณ์สื่อของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย ที่ท่าอากาศยานก่อนขึ้นเครื่องเดินทางเยือนประเทศบรูไน เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ที่มีถ้อยความบางตอนกล่าวถึงบทลงโทษสื่อ นายกฯ ได้ตอบกลับตามแบบฉบับว่า "ประหารมั้ง" ซึ่งสื่อต่างประเทศได้หยิบยกเอา "คำ" นี้ไปเป็นประเด็นโหมกระพือวิพากษ์ถึงความเป็นรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร ที่มักโยงไปถึงเรื่องของสิทธิเสรีภาพ โดยในถ้อยแถลงของสหรัฐระบุว่า "เราหวังว่าคำขู่นั้นจะไม่ใช่เรื่องจริงจัง การกล่าวเช่นนี้ แม้จะเป็นเรื่องล้อเล่น แต่ก็ค่อนข้างสุ่มเสี่ยงในบรรยากาศของสังคมที่เสรีภาพยังคงถูกกดขี่เช่นนี้"
ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งของตอบข้อซักถามราว 23 นาที นายกฯ ได้กล่าวถึงการทำหน้าที่ของสื่อ ที่กล่าวโจมตีการทำงานของรัฐบาลว่า "ล้มเหลว" ไปเสียทุกอย่าง โดยไม่พิจารณาถึงสภาพที่เป็นจริงทั้งในอดีตและปัจจุบัน ซึ่งสอดคล้องกับประเด็นที่นายกฯ มักกล่าวถึงเสมอในการให้กำลังใจและทำความเข้าใจคนทำงาน ที่ใช่ว่าจะรังสรรค์หรือซ่อมแซมทุกอย่างให้กลับดีเยี่ยมได้ในพริบตา นายกฯ ยังกล่าวอีกว่า การวิจารณ์นั้น ทำได้ แต่ขอให้เป็นไปด้วยความเข้าใจ ขอความร่วมมือให้สื่อช่วยกัน ไม่เช่นนั้นอาจจำเป็นต้องใช้อำนาจที่มีอยู่ ซึ่งก็มีกำหนดขอบเขตไว้ชัดเจนในประกาศของ คสช. ที่อาจหลงลืมมองข้ามกันไป
แหล่งที่มา : เดลินิวส์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น