ด้านนายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า กรมฯได้เตรียมของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชนแล้ว โดยเน้นไปที่การเพิ่มการอำนวยความสะดวกในการให้บริการต่อใบอนุญาตขายสุรา ยาสูบ และไพ่ ในปีถัดไป (ต่ออายุ) สำหรับกลุ่มผู้ขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจ โดยผู้ขอต่อใบอนุญาตสามารถยื่นขออนุญาตได้ที่ร้านค้าที่ให้บริการเคาน์เตอร์ เซอร์วิสต่างๆ ทั่วประเทศ “ปัจจุบัน กรมฯเปิดให้บริการขอใบอนุญาตล่วงหน้าผ่านทางไปรษณีย์ แต่เพื่ออำนวยความสะดวกให้มากขึ้น และถือเป็นของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน กรมฯได้ประสานความร่วมมือไปยังผู้ให้บริการเคาน์เตอร์เซอร์วิสต่างๆทั่ว ประเทศ เพื่อเชื่อมโยงระบบระหว่างกัน ทำให้ประชาชนสะดวก ไม่ต้องเดินทางมายังสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ หรือที่ไปรษณีย์”
ทั้งนี้ ปัจจุบันมีจำนวนผู้ได้รับใบอนุญาตสำหรับการจำหน่ายขายสุรา ยาสูบ และไพ่ ประมาณ 1 ล้านราย สำหรับผู้ขอใบอนุญาตรายใหม่ต้องมายื่นขอใบอนุญาตที่สรรพสามิตพื้นที่เท่า นั้น เพราะกรมฯต้องตรวจสอบความถูกต้องตามเงื่อนไขการขอใบอนุญาตก่อน
3.นาโนไฟแนนซ์ ที่เปิดโอกาสให้เอกชนมาขออนุญาตตั้งนิติบุคคลเพื่อปล่อยกู้ให้กับประชาชน ในวงเงินปล่อยกู้ไม่เกิน 100,000-120,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ยสูงสุดไม่เกิน 36% ต่อปี เพื่อลดปัญหาการกู้เงินนอกระบบของประชาชน ที่เสียดอกเบี้ยสูงถึง 20% ต่อเดือน หรือ 60% ต่อปี ซึ่งกระทรวงการคลังมั่นใจว่าจะแก้ไขหนี้นอกระบบได้ เพราะการปล่อยกู้ยืดหยุ่นมากกว่าสถาบันการเงิน โดยจะเปิดให้บริษัทเอกชนที่สนใจมาสมัครได้ที่กระทรวงการคลัง 4.การจัดตั้งกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ซึ่งจะเปลี่ยนแนวทางการออมเงิน จากที่ขณะนี้ใช้ประกันสังคมมาตรา 40 ก็จะเปลี่ยนเป็นการออมตาม พ.ร.บ.กองทุนการออมแห่งชาติ ที่กระทรวงการคลังดูแลอยู่
5.การออกพันธบัตรออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูง โดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) วงเงิน 100,000 ล้านบาท ขายให้กับรายย่อยและประชาชนทั่วไป โดยเน้นขายให้ผู้สูงอายุที่ต้องการออมเงินก่อน และ 6.มาตรการของแบงก์รัฐ เช่น มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรเพิ่มเติมของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และมาตรการปล่อยสินเชื่อเพื่อช่วยรายย่อยของธนาคารออมสิน ปล่อยกู้ในอัตราดอกเบี้ย 0.50% ต่อเดือน จากเดิมโครงการธนาคารประชาชนคิดอัตราดอกเบี้ย 0.75% ต่อเดือน ซึ่งเป็นข้อเสนอของธนาคารออมสินที่จะนำเสนอ ครม.
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้กระทรวงการคลังจะเสนอมาตรการของขวัญปีใหม่เพียงแค่ 4 มาตรการ แต่นายสมหมายเห็นว่าไม่เพียงพอ จึงระดมผู้บริหารกระทรวงการคลังจัดทำเพิ่มเติมอีก 2 มาตรการเมื่อวันที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งภายหลังจากประชุม ครม.เสร็จสิ้น นายสมหมายจะแถลงรายละเอียดด้วยตัวเอง ซึ่งของขวัญของกระทรวงการคลังจะเริ่มมีผลในวันที่ 1 ม.ค.58 สำหรับกรณีสมาร์ทการ์ดคนจนที่เป็นแนวคิดของ พล.อ.ประยุทธ์นั้น กระทรวง การคลังไม่ทราบเรื่อง และไม่ได้รับนโยบายมาให้ดำเนินการ
สมหมาย” เผยเสนอ 6 มาตรการของขวัญปีใหม่คนไทยในการประชุม ครม. วันนี้ (9 ธ.ค.) มีทั้งลดภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับเอสเอ็มอีที่มีรายได้สุทธิไม่เกิน 3 ล้านบาท เหลือ 15% จาก 20% แบงก์รัฐลดดอกเบี้ยเงินกู้ช่วยรายย่อยเหลือ 0.50% ต่อเดือน ออกพันธบัตรออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูงวงเงิน 1 แสนล้านบาท
นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง เปิดเผยว่า ตนได้หารือกับ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้วถึงมาตรการด้านเศรษฐกิจที่กระทรวงการคลังจะ ประกาศออกมาเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งจะมีทั้งหมด 5-6 กล่องด้วยกัน และจะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 9 ธ.ค.นี้ โดยภายหลัง ครม.อนุมัติแล้ว ตนจะแถลงข่าวด้วยตนเองในเวลาประมาณ 13.45 น. แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดใดๆได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มาตรการทางด้านเศรษฐกิจของกระทรวงการคลัง ที่จะประกาศเป็นของขวัญปีใหม่ ประกอบด้วย 6 มาตรการ ได้แก่ 1.การลดภาษีสำหรับผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี) โดยมีข้อเสนอคือ ลดภาษีเงินได้นิติบุคคลของกรมกรมสรรพากร สำหรับเอสเอ็มอีเหลือ 15% ในส่วนของรายได้สุทธิไม่เกิน 3 ล้านบาท หากรายได้เกิน 3 ล้านบาท เสียภาษี 20% จากเดิมหากมีรายได้ตั้งแต่ 1 ล้านบาทเสียภาษีในอัตรา 20% ส่วนเอสเอ็มอีที่มีรายได้สุทธิไม่เกิน 300,000 บาท จะได้รับการยกเว้น 2.การจัดตั้งกองทุนร่วมลงทุน (เวนเจอร์ แคปปิตอล) ซึ่งก่อนหน้านี้ รมว.คลังต้องการให้ตั้งกองทุน 50,000 ล้านบาท เพื่อร่วมลงทุนกับเอสเอ็มอี
แหล่งทีมา : ไทยรัฐ
Source: คลังมอบของขวัญปีใหม่คนไทย ลดภาษีเงินได้เอสเอ็มอี 5%-ลดดอกเบี้ยกู้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น